อีเลียต สปิตเซอร์
อีเลียต สปิตเซอร์

อีเลียต สปิตเซอร์

อีเลียต ลอเรนซ์ สปิตเซอร์ (Eliot Laurence Spitzer) (เกิดเมื่อ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2502) เป็นทนายความชาวอเมริกัน และอดีตนักการเมืองพรรคเดโมแครต (Democratic Party) เขารับตำแหน่งผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2550 จนกระทั่งเขาลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2551 ก่อนจะได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ สปิตเซอร์รับตำแหน่งเป็นอัยการรัฐนิวยอร์กสปิตเซอร์เกิดและเติบโตในเขตบรองซ์ (The Bronx) ของเมืองนิวยอร์กซิตี้ เป็นบุตรชายของเจ้าสัวอสังหาริมทรัพย์ เบอร์นาร์ด สปิตเซอร์ (Bernard Spitzer) และแอนน์ สปิตเซอร์ (Anne Spitzer) ศาสตราจารย์วิชาวรรณกรรมอังกฤษ เขาเข้าศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton University) และเข้าศึกษากฎหมายจากโรงเรียนกฎหมายฮาร์วาร์ด (Harward Law School) แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ที่ซึ่งเขาได้พบภรรยาในอนาคต ซิลด้า วอลล์ (Silda Wall) ผู้ซึ่งในเวลาต่อมาเป็นผู้ก่อตั้งองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Children for Children (เด็กเพื่อเด็ก) หลังจากได้รับปริญญากฎหมายหลักสูตร Juris Doctor สปิตเซอร์จึงเข้าทำงานในบริษัทกฎหมาย พอลล์, เวสส์, ริฟคินด์, วอร์ตัน แอนด์ แกร์ริสัน (Paul, Weiss, Rifkind, Wharton & Garrison)2 ปีต่อมา เขาเข้าร่วมสำนักงานอัยการเขตแมนฮัตตัน ซึ่งมีโรเบิร์ต เอ็ม มอร์เก็นเธา (Robert M. Morgenthau) เป็นหัวหน้า เพื่อปราบปรามองค์กรอาชญากรรม เขาเป็นผู้ริเริ่มการสืบสวนซึ่งนำไปสู่การล้มล้างอิทธิพลของตระกูลแกมบิโน่ (Gambino Crime Family) เหนืออุตสาหกรรมเสื้อผ้าและขนส่งโดยกระบะของเขตแมนฮัตตัน ในพ.ศ. 2535 สปิตเซอร์ลาออกเพื่อไปทำงานที่บริษัทกฎหมายสแกดเด็น, อาร์ปส์, สเลท, มีเกอร์ แอนด์ ฟลอม (Skadden, Arps, Slate, Meagher & Flom) และบริษัท คอนแสตนติน แอนด์ พาร์ทเนอร์ส์ (Constantine and Partners) ในเวลาต่อมาในการเลือกตั้งปีพ.ศ. 2541 สปิตเซอร์เอาชนะเดนนิส แวคโค(Dennis Vacco)จากพรรครีพับลิกัน (Republican Party)ได้อย่างฉิวเฉียด จนได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าอัยการสูงสุดรัฐนิวยอร์ก (New York State Attorney)แทนนายเวคโคซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น การรณรงค์หาเสียงของเขาได้รับการสนับสนุนทางการเงินเป็นจำนวนมากจากเงินหลายล้านดอลลาร์ที่กู้จากพ่อของเขา ขณะดำรงตำแหน่ง สปิตเซอร์ได้ดำเนินการฟ้องคดีหลายคดี ซึ่งเกี่ยวข้องกับ อาชญากรรมของพนักงานหรือผู้บริหารภายในองค์กร, การฉ้อโกงหลักทรัพย์, การฉ้อโกงทางอินเทอร์เน็ต, และการปกป้องสิ่งแวดล้อม คดีของเขาที่เป็นรู้จักกันดีที่สุด คือการฟ้องร้องบรรดาบริษัทซึ่งเกี่ยวข้องกับการสุมหัวกันตรึงราคาชิปคอมพิวเตอร์, การปั่นราคาหุ้นของวาณิชธนกิจ, และคดีความกองทุนรวมปีพ.ศ. 2546 นอกจากนั้น เขายังฟ้องร้องริชาร์ด แกรสโซ (Richard Grasso) อดีตประธานตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange : NYSE) โดยกล่าวหาว่า เขาล้มเหลวในการทำให้คณะกรรมการประจักษ์ถึงสัญญาผลตอบแทนของเขาซึ่งมีมูลค่าสูงกว่า 140 ล้านเหรียญดอลลาร์ในพ.ศ. 2549 สปิตเซอร์ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก โดยเอาชนะจอห์น ฟาโซ (John Faso) จากพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐ (Gubernatorial Election) เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ระหว่างการดำรงตำแหน่ง เขาได้เสนอร่างกฎหมายการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันในรัฐนิวยอร์ก และออกคำสั่งพิเศษซึ่งอนุญาตให้ชาวต่างด้าวผิดกฎหมายสามารถขอใบขับขี่ได้ ทั้งสองเหตุการณ์นำมาซึ่งการโต้เถียงในวงกว้าง ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2550 เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงฐานมีความเกี่ยวข้องด้านตำแหน่งหน้าที่ในการสั่งการให้กรมตำรวจรัฐนิวยอร์กสืบค้นการเดินทางของผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภารัฐนิวยอร์ก โจเซฟ บรูโน (Joseph Bruno) ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2551 หนังสือพิมพ์ เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส์ (The New York Times) ได้รายงานว่าเขาเป็นลูกค้าคนหนึ่งที่ใช้บริการการขายบริการทางเพศทางโทรศัพท์ จากการสืบสวนของหน่วยงานรัฐบาล สปิตเซอร์ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2551 และจะมีผลบังคับในวันที่ 17 โดยกล่าวว่าเนื่องจาก "ความผิดพลาดส่วนตัว"